เร่ืองเริ่มต้นจากบ่ายวันหนึ่ง ที่ฉันต้องมาเก็บใบไม้กองยักษ์ที่ตัดเอาไว้
เมื่ออยู่กับพี่เก่งทีไร เรามักมีเร่ืองคุยกันที่คนอื่นมักจะมองว่ามันไร้สาระสิ้นดี
"พี่ว่า ความรักมันคืออะไรเหรอ?" ฉันถาม
พี่เก่งเงียบไปครู่นึง
"เอาจริงๆ ผมก็คิดเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน"
นี่คือข้อดีของพี่เก่ง
เขาไม่เคยมองว่าคำถามทุกคำถามจากฉันเป็นเรื่องเวิ่นเว้อ
"ถ้าความรักมันคือการต้องทำทุกอย่างให้ได้มา มันเรียกว่าความรักไหม?"
พี่เก่งถามกลับ
"ไม่รู้สิ เราว่าความรักมันเป็นเรื่องของการอยากเห็นเขามีความสุข
..แม้ว่ามันจะหมายถึงเราไม่ได้มีส่วนร่วมตรงนั้นหรือเปล่า?"
ฉันตอบแบบนางเอก
"คือ..ถ้าเรารักใคร เราต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเรียกว่าความรัก?" พี่เก่งถามซ้ำ
"อืม ก็ถ้าปล่อยไป แล้วเขายังกลับมาหาเรา นั่นคงเป็นความรัก"
"หรือผมต้องบอกว่า ความรักคือการให้ เอาแบบหล่อๆ" พี่เก่งเริ่มกวนกลับ
"บ้า ก็ถ้าคิดว่ามันไม่ใช่ก็ไม่ใช่เส่ะ แค่ถามเฉยๆ" ฉันขำกลับ
"บางทีเราแค่รู้สึกว่า ความรัก เป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้มากๆ
หลายครั้งเราก็เอาคำว่า รัก มาอ้างให้คนฟังรู้สึกดีเวลาเราทำอะไร"
ฉันแชร์สิ่งที่คิด
"ก็ใช่ แต่ผมว่าหลายๆทีความรักมันไม่เป็นคำพูด
มันเป็นความรู้สึกมากกว่า" พี่เก่งตอบเหมือนคนเมา
"แหวะ จะอ้วก!" ฉันทำท่าแขยง
"เมื่อก่อนเราก็เคยคิดนะ ว่าความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นแรงผลักดันให้เราอยากทำสิ่งที่ดี
แต่สุดท้ายรู้อะไรไหม ความรักมันเป็นแค่ความรู้สึก ที่วันนึงมันก็หายไปได้
เราว่าถ้าเราจะอยู่กับใครสักคน ความเข้าใจ เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า"
ฉันตอบเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากทางความรัก
"ความรักมันอาจจะไม่ยิ่งใหญ่ แต่ผมว่าเราก็อยู่กับคนที่เราไม่รักเลยไม่ได้หรอก" พี่เก่งเสริม
"สุดท้ายนะ อะไรคือสิ่งที่สำคัญรู้ไหม" ฉันถามด้วยหน้าปีศาจร้าย
"เงิน ไงล่ะ!
ใครหน้าไหนบอกเงินซื้อความสุขไม่ได้ เงินซื้อได้ทุกอย่างที่ทำให้เราสบาย
ถ้าวันนึง แม่เราไม่สบาย ไอ้ความรักหน้าไหนจะมาจ่ายค่าหมอให้เรา?
มีโรงพยาบาลไหนรับความรักเป็นค่ายาบ้าง? ไม่มี!"
ฉันตอบเสียงกลั้วหัวเราะอย่างปีศาจร้าย
"หมวยครับ ผมว่าหมวยสุดโต่งไปแล้ว หมวยกำลังจมในทุนนิยม"
พี่เก่งตอบเบาๆ
ทำให้ฉันได้ฉุกคิด
มันไม่ใช่เพราะความรักหรอกเหรอ
ที่ทำให้ฉันอดทนอยากรีบสร้างตัวเพื่อให้แม่อยู่สบายๆ
มันไม่ใช่เพราะความรักหรอกเหรอ
ที่ทำให้เพื่อนฉันยอมสละเวลามาหาฉันทุกครั้งที่ฉันเข้ากทม.
มันไม่ใช่เพราะความรักหรอกเหรอ
ที่ทำให้ฉันได้รับการอภัยจากคนรอบตัวเสมอ แม้จะเป็นความผิดเดิมๆก็ตาม
มันไม่ใช่เพราะความรักหรอกเหรอ
ที่ทำให้ทุกครั้งฉันกลับบ้านแล้วรู้สึกอบอุ่นที่ปู่กระโดดมากอด
...
หลายครั้ง เราอาจจะใช้ชีวิตทุกวันโดยมองผ่านความรักไป
เพราะเราคาดหวังว่าความรักจะต้องมาในรูปแบบของ
ดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่
ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
เซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน
หรืออะไรสักอย่าง
หน้าตาของความรักที่เขาค้นหา อาจจะไม่ใช่ความรักที่แท้จริงในชีวิต
อาจจะเป็นรอยยิ้มของแม่ เวลาเจอเรา
อาจจะเป็นเสียงหัวเราะของคนที่เราทำงานด้วย
อาจจะเป็นคำถามว่า "มึงเป็นไงมั่ง?" จากเพื่อนที่ห่างหาย
อาจจะเป็นการกระโดดมานั่งตักของแมวที่บ้าน
อาจจะเป็นคำด่าของเพื่อน ที่สุดท้ายก็ยืนหยัดอยู่ข้างเรา
ความรัก
ยิ่งคิด ยิ่งมอง
ก็ยิ่งรู้สึกว่าฉันรายล้อมไปด้วยความรักรอบตัว
ขอบอกพี่เก่งผ่านตรงนี้
"หมวยไม่ได้หลงลืมความรักนะ
เพราะหมวยรักทุกอย่างรอบตัวเลย!"
กลับไปสู่ภาวะโลกสวย ณ แพกาญฯก่อนอีกครั้ง
อาทิตย์สวัสดี
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557
สาส์นจากแพกาญฯ : อวัยวะไหน สำคัญกว่า?
คุณเคยคิดไหมว่าอวัยวะไหนสำคัญกว่ากัน?
เรื่องเกิดจาก การทำงานที่แพ
มีหลายบทบาท หน้าที่
ซึ่งแต่ละบทบาทหน้าที่ ต่างก็มองว่าตัวเองสำคัญ และทำงานหนักมากกว่าใคร
คนปูห้อง ก็คิดว่าตัวเองต้องแบกผ้า ปูห้องแต่ละห้อง ช่างเหนื่อยมาก
คนซักผ้า ก็คิดว่าตัวเองต้องขนผ้า แบกไปซัก แถมต้องแบกไปตากอีก ช่างเหนื่อยมาก
คนทำความสะอาด ก็คิดว่าตัวเองต้องเก็บขยะไปทิ้ง กวาดถูทั้งหมด ช่างเหนื่อยมาก
คนล้างจาน ก็คิดว่าตัวเองล้างจานอยู่คนเดียว ช่างเหนื่อยมาก
คนทำบาร์ ก็คิดว่าตัวเองต้องอยู่ดึก วุ่นวายกับแขก ช่างเหนื่อยมาก
แต่ละหน้าที่ ต่างคิดว่าตัวเอง ช่างเหนื่อยมาก
และเริ่มคิดว่า หน้าที่อื่น ช่างสบายเหลือ!
วันหนึ่ง หากเท้าคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าตา
และขอประท้วง ไม่เดิน
คิดว่าร่างกายเราจะเป็นยังไง?
วันหนึ่ง หากตาคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าฟัน
และขอประท้วง ไม่มอง
คิดว่าร่างกายจะเป็นยังไง?
วันหนึ่ง หากฟันคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าเท้า
และขอประท้วง ไม่เคี้ยว
คิดว่าร่างกายจะเป็นยังไง?
ทุกอย่าง สัมพันธ์กัน
ทุกสิ่ง เกื้อหนุนกัน
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่เคยคิดว่าอาชีพอะไรสำคัญกว่ากัน
กรรมกร กับ นักธุรกิจ
คนหนึ่งคิด อีกคนเป็นคนทำ
แต่หากวันใด ใครสักคนคิดว่าตัวเองมีค่ากว่าอีกคน
องค์กรนั้นจะเริ่มสั่นคลอน
คงเป็นหน้าที่ของทุกคน ที่จะเคารพศักดิ์ศรีของแต่ละอาชีพ
เพราะหากเราทุกคนให้เกียรติในอาชีพของเขา
ทำให้เขาเห็นคุณค่าในอาชีพตัวเอง
เขาก็จะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
เราจะได้กินข้าวที่ชาวนาตั้งใจปลูก
เราจะได้อยู่บ้านที่คนงานตั้งใจสร้าง
เราจะได้ขึ้นเครื่องบินที่แอร์อยากบริการ
เราจะได้เข้าห้องน้ำที่สะอาดเพราะพนักงานตั้งใจทำ
ตอนไปทำงานที่ญี่ปุ่น
ฉันได้เจอกับพนักงานสาวตัวเล็กคนหนึ่ง
เธอเป็นคนเกาหลีที่มาทำงานที่ญี่ปุ่น
เราคุยกันด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นของทั้งคู่
เธอทำงานเป็นผู้ช่วย Stylist
ทั้งที่ Stylist เป็นผู้ชาย แต่กลับไม่ช่วยเธอถือแม้แต่ชิ้นเดียว
ฉันบอกว่าจะขอช่วยเธอแบกเสื้อผ้าที่เธอต้องถือ
เธอตอบฉันมาว่า
"please Let me do my Job. You have your own job too."
แม้จะไม่เข้าใจว่าการช่วยเหลือเพียงแค่แบกเสื้อผ้า
จะทำให้เธอรู้สึกว่าเธอทำงานบกพร่องได้ขนาดนั้น
แต่ก็ทำให้ฉันเห็นมุมมองความคิดเรื่องการทำงานของเธอ
เรามีงานให้ทำ
เราต้องทำงานของเราให้ดี ในทุกๆตำแหน่งล้วนมีความสำคัญ
วันไหนที่ฉันเป็นผู้ใหญ่ แล้วดูถูกตำแหน่งเล็กๆ
รบกวนเอามือมาตบกบาลฉัน แล้วเอาบทความที่ฉันเขียนในวันนี้มาให้ฉันอ่านเตือนสติที
สุดท้ายนี้คงต้องขอตัวไปก่อน
เพราะกระเพราะเริ่มทำหน้าที่ร้องหาอาหาร
ในขณะที่หนังตาของฉันก็เริ่มล้าแล้ว
ทุกอวัยวะต้องการความสนใจจากฉันล่ะ!
เรื่องเกิดจาก การทำงานที่แพ
มีหลายบทบาท หน้าที่
ซึ่งแต่ละบทบาทหน้าที่ ต่างก็มองว่าตัวเองสำคัญ และทำงานหนักมากกว่าใคร
คนปูห้อง ก็คิดว่าตัวเองต้องแบกผ้า ปูห้องแต่ละห้อง ช่างเหนื่อยมาก
คนซักผ้า ก็คิดว่าตัวเองต้องขนผ้า แบกไปซัก แถมต้องแบกไปตากอีก ช่างเหนื่อยมาก
คนทำความสะอาด ก็คิดว่าตัวเองต้องเก็บขยะไปทิ้ง กวาดถูทั้งหมด ช่างเหนื่อยมาก
คนล้างจาน ก็คิดว่าตัวเองล้างจานอยู่คนเดียว ช่างเหนื่อยมาก
คนทำบาร์ ก็คิดว่าตัวเองต้องอยู่ดึก วุ่นวายกับแขก ช่างเหนื่อยมาก
แต่ละหน้าที่ ต่างคิดว่าตัวเอง ช่างเหนื่อยมาก
และเริ่มคิดว่า หน้าที่อื่น ช่างสบายเหลือ!
วันหนึ่ง หากเท้าคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าตา
และขอประท้วง ไม่เดิน
คิดว่าร่างกายเราจะเป็นยังไง?
วันหนึ่ง หากตาคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าฟัน
และขอประท้วง ไม่มอง
คิดว่าร่างกายจะเป็นยังไง?
วันหนึ่ง หากฟันคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าเท้า
และขอประท้วง ไม่เคี้ยว
คิดว่าร่างกายจะเป็นยังไง?
ทุกอย่าง สัมพันธ์กัน
ทุกสิ่ง เกื้อหนุนกัน
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่เคยคิดว่าอาชีพอะไรสำคัญกว่ากัน
กรรมกร กับ นักธุรกิจ
คนหนึ่งคิด อีกคนเป็นคนทำ
แต่หากวันใด ใครสักคนคิดว่าตัวเองมีค่ากว่าอีกคน
องค์กรนั้นจะเริ่มสั่นคลอน
คงเป็นหน้าที่ของทุกคน ที่จะเคารพศักดิ์ศรีของแต่ละอาชีพ
เพราะหากเราทุกคนให้เกียรติในอาชีพของเขา
ทำให้เขาเห็นคุณค่าในอาชีพตัวเอง
เขาก็จะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
เราจะได้กินข้าวที่ชาวนาตั้งใจปลูก
เราจะได้อยู่บ้านที่คนงานตั้งใจสร้าง
เราจะได้ขึ้นเครื่องบินที่แอร์อยากบริการ
เราจะได้เข้าห้องน้ำที่สะอาดเพราะพนักงานตั้งใจทำ
ตอนไปทำงานที่ญี่ปุ่น
ฉันได้เจอกับพนักงานสาวตัวเล็กคนหนึ่ง
เธอเป็นคนเกาหลีที่มาทำงานที่ญี่ปุ่น
เราคุยกันด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นของทั้งคู่
เธอทำงานเป็นผู้ช่วย Stylist
ทั้งที่ Stylist เป็นผู้ชาย แต่กลับไม่ช่วยเธอถือแม้แต่ชิ้นเดียว
ฉันบอกว่าจะขอช่วยเธอแบกเสื้อผ้าที่เธอต้องถือ
เธอตอบฉันมาว่า
"please Let me do my Job. You have your own job too."
แม้จะไม่เข้าใจว่าการช่วยเหลือเพียงแค่แบกเสื้อผ้า
จะทำให้เธอรู้สึกว่าเธอทำงานบกพร่องได้ขนาดนั้น
แต่ก็ทำให้ฉันเห็นมุมมองความคิดเรื่องการทำงานของเธอ
เรามีงานให้ทำ
เราต้องทำงานของเราให้ดี ในทุกๆตำแหน่งล้วนมีความสำคัญ
วันไหนที่ฉันเป็นผู้ใหญ่ แล้วดูถูกตำแหน่งเล็กๆ
รบกวนเอามือมาตบกบาลฉัน แล้วเอาบทความที่ฉันเขียนในวันนี้มาให้ฉันอ่านเตือนสติที
สุดท้ายนี้คงต้องขอตัวไปก่อน
เพราะกระเพราะเริ่มทำหน้าที่ร้องหาอาหาร
ในขณะที่หนังตาของฉันก็เริ่มล้าแล้ว
ทุกอวัยวะต้องการความสนใจจากฉันล่ะ!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)