อากาศร้อนเริ่มวนมาในชีวิต
เสื้อกันหนาวที่เคยหวงแหนนักหนา
ตอนนี้อยากเอาไปปาหัวหมาทิ้ง
นี่คือสัญญาณของ Low Season
ซึ่งเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวจะสงบเสงี่ยม
ทัวร์ที่เคยวนเวียนมาวันละหลายบัส
จะเริ่มถอยมาเหลือน้อยลง
หลายคนบอกมันเป็นช่วงเวลาตกงาน
หลายคนบอกมันเป็นช่วงเวลาของการท่องเที่ยว
สำหรับฉัน มันคงเป็นช่วงเวลาที่ฉันจะได้เตรียมตัวสอบ IELTS สักที
และในทุกการเปลี่ยนแปลง
ก็มีการเปลี่ยนแปลง
พี่เก่ง ลาออก
และกลับไปสู่ที่ที่เขาจากมา
"เชียงใหม่"
เรื่องของการจากไปของพี่เก่ง
เป็นเรื่องที่ฉันได้ยินมานาน จนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เลื่อนลอย
ใครต่อใครมักบ่นเรื่องจะลาออกจากงาน
ฉันจึงไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของพี่เก่งมากนัก
จนกระทั่งเหตุผลต่างๆ เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
"ผมว่าร่างกายผมเริ่มไม่ไหวแล้ว"
"ลูกชายผมมันไม่อยากเรียนต่อ มันบอกมันอยากทำงาน"
"บ้านผมไม่มีใครช่วยงานเลย มีแต่คนแก่ทั้งนั้นด้วย"
ฯลฯ
ยังไม่รวมถึงเรื่องกดดันจากป้า และลุง และใครอีกมากมาย
มันเป็นมุมมองความกดดันจากมุมต่าง
คนจ่ายเงิน รู้สึกอยากได้การทำงานที่คุ้มค่า
คนทำงาน รู้สึกอยากได้เงินที่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป
"ผมจะกลับวันที่ 9 มีนานี้แล้ว ที่บ้านผมจะขับรถมารับ"
นี่คือประโยคที่ฉันฟังแล้วยืนนิ่งไปสักพัก
"วันนั้นเราไม่อยู่ด้วยดิ กลับบ้าน" ฉันบอก
โดยที่รู้ว่าคนฟังก็คงไม่สามารถจะรอฉันกลับมา
"โหย อดปาร์ตี้อำลาเลย" พี่เก่งแค่นหัวเราะ
บอกตรงๆ ฉันพูดไม่ถูกว่าฉันดีใจ หรือเสียใจ
ในวันที่เพื่อนคนแรกของฉันจะจากสถานที่นี้ไป
1 วัน ก่อนฉันจะกลับกรุงเทพฯ เป็นวันที่ทั้งป้าและลุงเดินทางไปเชียงใหม่
ไม่เกี่ยวกับการกลับบ้านของพี่เก่ง
ทั้งคู่แค่ไปเที่ยว
วันนั้น พี่เก่งไลน์มา
"พี่น้อง ไปเปิดหูเปิดตากันดีกว่า"
พอฉันเปิดอ่าน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เปิดมาเป็นพี่เก่ง
"ไปๆ ไปกินลมกันสักหน่อยดีกว่า"
"จะไปกันยังไงล่ะ กุญแจรถก็ไม่มี" ฉันถาม
"เดี๋ยวยืมรถใครไปก็ได้ เยอะแยะ"
เราทั้งคู่จึงยืมรถน้องชายพี่โทนไป
มอเตอร์ไซด์เบรคไม่ดีคันนั้น
ขับพาเราออกไปตามเส้นทางที่ฉันไม่เคยไป
"เวลาขี่มาทางนี้ มันออกถนนใหญ่ง่ายกว่า
จะได้ไม่ต้องไปอ้อม" พี่เก่งพาฉันมาเพื่อบอกเส้นทาง
พี่เก่งขี่มอไซด์ช้ามาก
"พี่เก่ง ขี่มอไซค์เก่งประเนี่ย?!"
"โอ้ย ขึ้นอยู่กับว่า เราวัดความเก่งกันที่อะไรมั้งครับ"
แล้วเราทั้งคู่ก็ไปร้านกาแฟประจำ ตรงไทรโยคใหญ่
นั่งกินกาแฟ ตอนเกือบเที่ยง
ลมร้อนพัดมาตีหน้า แต่เมื่อนั่งในที่ร่ม
มันก็ราวกับเป็นลมเย็น
บทสนทนาต่างๆ พรั่งพรูออกมาเช่นเดิม
เราทั้งคู่ ไม่พูดถึงเรื่องการกลับบ้านของเขา
รวมถึงไม่พูดด้วยว่า การออกมาครั้งนี้
..คงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพี่เก่งกลับบ้าน
คืนนั้น ฉันเขียนโปสการ์ดถึงพี่เก่ง
แนบใส่หนังสือ "ประโยคย้อนแสง" ของประภาส
และฝากให้พี่เก่งในวันที่เขากลับบ้าน
แล้วตัวฉันก็เดินทางกลับกทม.
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลก
บางการร่ำลา
ก็ไม่สมควรมีคำลา
บางทีเราอาจจะเศร้าเพราะโลกนี้มีคำว่า "บ๊ายบาย"
สุดท้าย วันที่พี่เก่งออกเดินทาง
ฉันไลน์มาหาเขาจากกทม. เพื่อถามเขาว่าออกเดินทางหรือยัง
รวมถึงได้ของที่ฉันฝากไว้ไหม?
"ได้แล้วครับ กำลังอ่านอยู่เลย"
"ผมเชื่อว่า เราต้องได้เจอกันอีก"
มิตรภาพมันก็แบบนี้แหละ
อาจจะต้องจากกันไป เพื่อแยกกันไปเติบโต
แต่ก็รู้ว่า ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน
ฉันยิ้มเมื่ออ่าน
เพราะประโยคสุดท้ายที่ฉันเขียนในโปสการ์ดคือ
"see you next station : Chiang Mai!!"
การที่คนเราได้เจอกัน
ครั้งแรก เพราะเราสมควรจะเจอกัน
จากนั้น เพราะเราอยากเจอกัน
..แล้วเจอกันนะทุกคน!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น