วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

สาส์นจากแพกาญฯ : โลกใบเดียวกัน ที่คนแบ่งออกเป็นหลายใบ

มันเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรที่เล็กมากๆ
มันเกิดจาก เสียง "ตื้อดึ่ง" ของ Line
มันคือเสียง Line ของพนักงานคนหนึ่ง ที่ดังมาในช่วงเวลาพักเที่ยง

พ่อฉันเริ่มพูด ในขณะที่ฉันเองก็กำลังระรัวนิ้วพิมพ์ไลน์
"นี่มันเป็นไวรัส ไอ้พวกเกมออนไลน์ ทำให้ไม่รู้จักทำงานทำการ เล่นกันตลอดเวลา"

ฉันเหลือบตาขึ้นมามองเล็กน้อย
..แล้วเล่นต่อ

"คนพวกนี้นะ เราต้องเหยียบให้มันอยู่ในที่ของมัน อย่าให้มันเริ่มคิดจะทำอะไร
เพราะมันคิดไม่เป็น มันโง่ มัน..."
 แล้วพ่อก็เริ่มบ่นอะไรบางอย่าง ที่ขอละไว้ในการพิมพ์
 เพราะขนาดฟัง ฉันยังอยากจะกดปุ่ม mute ให้ไม่ได้ยินเสียงพ่อเลย

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น
ทำให้ฉันคิดต่อไป

เราควรจะทำอย่างไร เพื่อจะจัดการลูกน้อง(หรือลูกทีม)
ให้ทำงานกับเราอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ในโลกที่ทุกคนเสพติด Social Media?

และอีกประเด็นที่ฉันกังขาขึ้นมาเบาๆ
อะไรทำให้คนเรา กล้าจะแบ่งชนชั้นกับคนอื่น
คนที่มีโอกาสน้อยกว่าเรา?

อยากรู้ว่า ถ้าพ่อต้องไปนั่งคุยกับ Bill Gates หรือคนดังระดับโลกสักคน
พ่อจะทำยังไง?

มันน่าแปลก ที่วันนึง เมื่อเราโตอยู่ในจุดที่คนเริ่มมองเห็น
เรากลับเลือกที่จะไม่มองคนอื่นในระดับเดียวกับเรา

แม้จะเป็นเรื่องธรรมดา ที่คนบนเวที จะมองเห็นคนล่างเวทีได้ไม่ชัด
แต่อย่างน้อย ถ้าเราต้องการจะสื่อสารกับคนข้างล่าง
เราอาจจะต้องพยายามมากกว่าเดิมหรือเปล่า?

ฉันอาจจะเป็นเด็ก
ฉันจึงคิดอะไรแบบเด็กๆ
และหลายครั้ง ออกแนวจะเป็นเด็กโง่ด้วยซ้ำ

ฉันรู้สึกว่าทุกคน ควรมีความสุขในการทำงาน
งานที่ทำ ถ้าทำเพื่อให้ได้เงินอย่างเดียว
ลาออกเหอะ

เงิน ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ เป็นเร่ืองจริง
แต่เงิน ไม่สามารถทำให้เราตอบโจทย์ชีวิตได้ในหลายๆ เรื่อง
อย่างน้อย ก็เช่นเรื่องการที่เราภูมิใจกับสิ่งที่ทำอยู่หรือเปล่า?

ถ้าเราทุกคน ไม่เคยมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ
สิ่งที่เราทำ อาจจะมีประโยชน์ต่อคนเป็นร้อย
แต่กลับไม่มีความหมายต่อคนที่สำคัญที่สุด
นั่นคือ "ตัวเรา" เอง


ทุกวันนี้ ฉันทำงานที่ฉันไม่ได้รัก
แต่ฉันรู้ว่าฉันทำมันได้
งานที่ฉันทำ อาจจะไม่ใช่ครีเอทีฟ นั่งในห้องแอร์ เหมือนเมื่อก่อน
มันเป็นแค่การเจอกับชาวบ้าน ทำความสะอาด เก็บกวาดใบไม้
แต่ฉันก็เลือกจะมองมันในมุมที่ว่า
"ถ้าไม่มีใครทำ คนที่มาเที่ยวจะต้องเจอกับที่สกปรกนะ นี่มันเป็นงานระดับประเทศนะ"
"ถ้าไม่กวาดใบไม้ มันจะเหมือนที่รกร้างอาจมีงู เราต้องสร้างความปลอดภัย"
"ถ้าไม่รดน้ำต้นไม้ ต้นไม้จะตาย เรากำลังสร้างออกซิเจนให้โลก"
 ฯลฯ

งานง่ายๆ ที่ทำให้ฉันมองโลกเปลี่ยนไป
งานที่ทำให้ฉันมองว่า ทุกคนมีความหมายในทุกตำแหน่ง

ตัดกลับมาอีกครั้ง
เรื่องคุณค่าของงานที่ทำ
ฉันเห็นคุณค่าของงานทุกงานที่ฉันทำ
แต่ฉันจะสนุกกับมันถึงเมื่อไหร่?
ไม่มีใครรู้หรอก

การอยู่ที่นี่ ฉันมีเป้าหมายของฉัน
ถ้าวันนึง มันบรรลุแล้ว
ฉันก็ไปเหมือนกัน

เพราะ..
ไม่มีใครควรต้องอดทนทำ
ในสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่กับตัวเอง

ตัดภาพกลับมาอีกที
พ่อฉันยังคงพูดเรื่องน่าเบื่อๆ เหมือนฉันดูละคร ลูกทาส อยู่
ยุคสมัย เปลี่ยนไปประมาณชาติเศษแล้ว
ไม่มีใคร ต้องทำงานให้ใครแบบขี้ข้าอีกต่อไป
โลกของนายจ้างต้องหัดมีความคิดแบบ
"เอาใจเขามาใส่ใจเรา" เสียบ้าง

หมดเวลาเป็นเจ้าเหนือชีวิตใคร
ความจำเป็นของทุกคน มีความสำคัญเท่ากัน
คนจนจะไปส่งลูก
คนรวยจะไปส่งลูก
เนื้อหาสาระ ก็สำคัญเหมือนกัน

ตลกดี ที่เราอยู่ในโลกที่คอยบอก
อยากสร้างความปรองดอง อยากให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ
แต่กลับเลือกจะแบ่งชนชั้นกันทุกทาง 



 หมายเหตุ
: เรื่องนี้ ไม่ได้ต้องการจะกล่าวถึงบุพการีในทางที่ไม่ควร แค่รู้สึกว่าคนเราทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกทางความคิดเห็น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เอาหมายเหตุใหม่ดีกว่า เผื่อคนจะมองว่าเรานิสัยไม่ดี 
:   เรื่องข้างต้น เป็นเร่ื่องราวสมมติ ตัวละครทุกตัวที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการยกตัวอย่าง หากมีการร้อนตัว หรือด้วยเหตุอันใด ขอบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับดิฉันโดยสมบูรณ์แบบ

สวัสดี


 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น